ไปเที่ยวมา

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

สัตว์ทดลองหน้าที่ที่ต้องแบกรับความเจ็บปวดแทนมนุษย์



สัตว์ทดลองกับวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันมีความสนิทชิดเชื้อกันจนแทบจะแยกไม่ออก สัตว์ทดลองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวงการวิทยาศาสตร์ ทำหน้าที่เป็นกองหน้าผู้บุกเบิกวิทยาการความรู้ใหม่ๆพร้อมนักวิทยาศาสตร์ ยอมสละชีพก่อนการทดลองต่างๆจนประสบความสำเร็จ นักวิทยาศาสตร์ยกให้สัตว์ทดลองเป็นอาจารย์ใหญ่ของตน ตามหลักฐานที่มีปรากฏพบว่าได้มีการนำหนูมาใช้ในการทดลองตั้งแต่ปีพ.ศ. 2164 โดย 2 นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาเลียนคือ Theophilus Muller และ Johannes Faber ได้ทดลองโดยผ่าตัดหนูเพื่อทำการศึกษาถึงอวัยวะ ภายใน หลังจากนั้นได้มีการนำหนูมาใช้ในการทดลองบ่อยขึ้น เช่นการนำหนูมาเลี้ยงในห้องทดลอง เพื่อศึกษาอิทธิพลของการขาดอาหารและออกซิเจนต่อคุณภาพชีวิตของหนู หรือการนำไข่ของพยาธิตัวตืดมาให้หนูกิน หลังจากนั้นพบว่าหนูเป็นมะเร็งตับภายในเวลา 6 เดือน คุณประโยชน์ที่ได้จากการทดลองจากหนูเกิดขึ้นอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นศึกษาสาเหตุ และการรักษาโรคความดัน,การปลูกถ่ายอวัยวะ โรคเยื่อสมองอักเสบ โรคผิวหนัง โรคกระเพาะ โรคตับ และโรคไขกระดูก สำหรับในประเทศไทยจากบันทึกของนายแพทย์เมืองทอง แขมมณีที่จัดพิมพ์ในหนังสืออนุสรณ์คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2514 ซึ่งเขียนเล่าไว้ว่า มีการใช้สัตว์ทดลองครั้งแรกที่โรงพยาบาลศิริราช ในปี พ.ศ. 2432 แต่กว่าจะเริ่มมีการใช้อย่างจริงที่สถานเสาวภาเวลาก็ลุล่วงมาจนถึงปี พ.ศ.2460 นับได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ยุคบุกเบิกของงานสัตว์ทดลองในประเทศไทย จากหลักฐานดังกล่าวแสดงว่าสัตว์ทดลองเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องกับงานทดลองของนักวิทยาศาสตร์ไทยมาเกือบ 120 ปีมาแล้ว แต่กระนั้นการตื่นตัวเกี่ยวกับสัตว์ทดลองในไทยเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังเมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้วนี้เอง โดยในปี พ.ศ.2514 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ เรื่องศูนย์เลี้ยงสัตว์ทดลองระหว่าง 3 มหาวิทยาลัยขึ้นและมอบหมายให้ มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นผู้ดำเนินการโดยใช้สถานที่ที่วิทยาเขตศาลายาเป็นที่ก่อตั้ง ศูนย์เลี้ยงสัตว์ทดลอง โดย มหาวิทยาลัยมหิดลได้ดำเนินการตามขั้นตอนจนได้รับความเห็นชอบจากคณะ กรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้จัดตั้งโครงการศูนย์สัตว์ทดลองในปีพ.ศ.2517 และได้รับความเห็นชอบจากทบวง มหาวิทยาลัย ให้เป็น สำนักสัตว์ทดลองแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2530 ซึ่งเป็นส่วนราชการที่อยู่ในสังกัดของมหาวิทยาลัยมหิดล
หน่วยงานนี้ถือว่าเป็นหน่วยงานหลักเกี่ยวกับสัตว์ทดลองของโดยมีหน้าที่ 1.ผลิตสัตว์ทดลองที่มีคุณภาพ ให้ เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเกี่ยวกับการวิจัย การทดสอบ การผลิตชีววัสดุ และการสอน ด้านชีวการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ 2.รับผิดชอบในมาตรฐานการ จัดการ ในการเลี้ยงและการปฏิบัติต่อสัตว์ทั้ง ในส่วนการเพาะขยายพันธุ์และการวิจัย ให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณ สากลในการเลี้ยงและการใช้สัตว์ทดลองในส่วนภูมิภาคเองก็มีการจัดตั้งศูนย์สัตว์ทดลองเฉพาะที่ขึ้นเช่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะรับผิดชอบเพาะเลี้ยงและจัดหาสัตว์ทดลองที่มีคุณภาพให้แก่งานวิจัยในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในภาคเหนือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในภาคใต้ ทำไมต้องเป็น หนูตะเภา จริงๆแล้วนิยามของสัตว์ทดลองไม่ได้จำกัดอยู่แค่กระต่ายหรือหนูตะเภาเท่านั้น แต่หมายรวมถึงสัตว์ทุกประเภทที่นำมาใช้ในการทดลอง ไม่ว่าจะเป็น ช้างม้า วัว ควาย หรือลิงซิมเปียนซี เหตุผลสำคัญที่หนูกลายเป็นสัตว์ทดลองอันดับต้นๆ เพราะหนูเป็นสัตว์ที่มีประสาทสัมผัสไว ในสมัยก่อนชาวเรือมักจะใช้หนูเป็นสัญญาณเตือนภัย เพราะหนูจะสละเรือก่อนเรือล่มเสมอ นอกจากนี้แล้วประสาทสัมผัสของหนูถือว่าไวกว่ามนุษย์หลายเท่านักก่อนจะเกิดแผ่นดินไหวหนูจะวิ่งกันพล่าน ความเหมือนของหนูกับมนุษย์อีกอย่างคือหนูมีจำนวนยีนส์พอๆ กับมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าวิวัฒนาการของมนุษย์กับหนูแยกกันเมื่อประมาณ 80 ล้านปี ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์รวมทั้งนักเรียนนักศึกษาถือกันว่าสัตว์ทดลองเป็นอาจารย์ใหญ่หากไม่มีพวกเขาเหล่านั้นวิทยาการของมนุษย์อาจจะล้าหลังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรก็เป็นได้ เพราะการนำยา หรือนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้กับมนุษย์โดยตรงออกจะดูเป็นการสุ่มเสี่ยงถึงผลกระทบที่อาจจะตามมา เมื่อมีการนำสัตว์มาทดลองมากขึ้นคำถามของสังคมที่ตามมาคือการกระทำเหล่านี้เป็นการทรมานสัตว์หรือไม่เพราะเมื่อนำสัตว์มาทดลองแล้วเกิดผลกระทบโรคร้ายเหล่านั้นย่อมเกิดแก่สัตว์ทดลองโดยตรง เป็นชีวิตที่โดนบังคับให้สละด้วยความไม่เต็มใจ เมื่อจะก่อให้เกิดประโยชน์ในสังคมมากมายเพียงใดก็ตาม ในแง่ของทางพุทธศาสนาการกระทำที่ทำให้ชีวิตของสัตว์อื่นล่วงไปก็ย่อมเป็นบาปข้อปาณาติบาต นักวิทยาศาสตร์หรือผู้ทดลองเองก็ตระหนักเห็นถึงโทษภัยในข้อนี้อยู่ดังนั้นจึงพยายามใช้สัตว์ทดลองเท่าที่จำเป็น ความเคลื่อนไหวเรื่องสัตว์ทดลองในต่างประเทศถูกหยิบยกมาประเด็นมาช้านานในปี พ.ศ. 2419 ประเทศอังกฤษ เป็นประเทศแรกที่ออกกฎหมายเกี่ยวกับการทารุณกรรมสัตว์ และได้มีปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวในปี พ.ศ.2529 ประเทศอังกฤษถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีการควบคุมการนำสัตว์มาใช้ทดลองเข็มงวดมากที่สุดประเทศหนึ่ง ในปี 2528 ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สภาองค์กรระหว่างว่าด้วยวิทยาศาสตร์การแพทย์ (Council for International Organization of Medical Science หรือ CIOMS)ได้จัดให้มีการประชุมระหว่างผู้ใช้สัตว์ทดลอง และกลุ่มผู้คัดค้านทั่วโลก ในการประชุมคราวนั้นได้ผลสรุปเป็นแนวทางในการปฏิบัติในการใช้สัตว์เพื่อในการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งมีหลายประเทศได้นำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติจนกลายเป็นรูปธรรม เช่น สหรัฐอเมิรกา ออสเตรเลีย แคนาดา ส่วนในประเทศไทย มีการผลักดันให้มีพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการใช้สัตว์ทดลองมาระยะหนึ่งแต่ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ในปัจจุบันมีเพียงจรรยาบรรณในการใช้สัตว์ทดลองของสภาวิจัยสภาวิจัยแห่งชาติซึ่งถือว่าเป็นสภาบันหลักเกี่ยวกับงานวิจัยของไทยเท่านั้นที่ออกมาเพื่อวางแนวทางของการใช้สัตว์ทดลองมาใช้งานอย่างเหมาะสม ซึ่งพอจะสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ (อ้างจากจรรยาบรรณการใช้สัตว์ สภาวิจัยแห่งชาติ)
จรรยาบรรณการใช้สัตว์ 1 ผู้ใช้สัตว์ต้องตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตสัตว์ ผู้ใช้สัตว์ต้องใช้สัตว์เฉพาะกรณีที่ได้พิจารณาถี่ถ้วนแล้วว่าเป็นประโยชน์และจำเป็นสูงสุดต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์และสัตว์ และ/หรือความกล่าวหน้าทางวิชาการและได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าไม่มีวิธีการอื่นที่เหมาะสมกว่า 2 ผู้ใช้สัตว์ต้องตระหนักถึงความแม่นยำของผลงานโดยใช้สัตว์จำนวนน้อยที่สุด ผู้ใช้สัตว์จะต้องคำนึงถึงคุณสมบัติทางพันธุกรรมของสัตว์ที่นำมาใช้ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการใช้สัตว์ เพื่อให้เกิดจำนวนการใช้สัตว์น้อยที่สุด และได้รับผลงานที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด 3 การใช้สัตว์ป่าต้องไม่ขัดต่อกฎหมายและนโยบายการอนุรักษ์สัตว์ป่า การนำสัตว์ป่ามาใช้ ควรกระทำเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นต่อการศึกษาวิจัย โดยไม่สามารถใช้สัตว์อื่นทดแทนได้ และการใช้สัตว์ป่านั้นจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายและนโยบายการอนุรักษ์สัตว์ป่า 4 ผู้ใช้สัตว์ต้องตระหนักว่าสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับมนุษย์ ผู้ใช้สัตว์ต้องตระหนักว่า สัตว์มีความเจ็บปวดและมีความตอบสนองต่อสภาพแวดล้อม เช่นเดียวกับมนุษย์ จึงต้องปฏิบัติต่อสัตว์ด้วยความระมัดระวังทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การขนส่ง การใช้วัสดุอุปกรณ์ในการเลี้ยงสัตว์ การจัดการสภาพแวดล้อมของสถานที่เลี้ยง เทคนิคในการเลี้ยง และการปฏิบัติต่อสัตว์ โดยไม่ให้สัตว์ได้รับความเจ็บปวดความเครียดหรือความทุกทรมาน 5 ผู้ใช้สัตว์ต้องบันทึกข้อมูลการปฏิบัติต่อสัตว์ไว้เป็นหลักฐานอย่างครบถ้วน ผู้ใช้สัตว์ต้องปฏิบัติต่อสัตว์ตรงตามวิธีการที่เสนอไว้ในโครงการ และต้องจดบันทึกไว้เป็นหลักฐานอย่างละเอียด ครบถ้วนพร้อมจะเปิดเผยชี้แจงได้ทุกโอกาส ถือเป็นหลัก 5 ข้อสำคัญที่นักวิจัยต้องคำนึงถึงเสมอเมื่อมีการนำสัตว์มาใช้ทดลอง แม้จรรยาบรรณดังกล่าวจะเป็นเพียงแนวทางในการปฏิบัติไม่มีสภาพบังคับอย่างกฎหมายทั่วไปแต่หากได้รับความร่วมมือร่วมใจจากนักวิจัยดีแล้วเชื่อแน่ว่าย่อมเกิดผลดีต้องการนำสัตว์มาใช้ทดลอง แน่นอนว่ายังไงสัตว์ทดลองยังคงมีความจำเป็นในวงการวิทยาศาสตร์ นอกจากจะสามารถหาวิธีการทดแทนมาใช้โดยไม่ต้องนำสัตว์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการทดลอง และน่ายินดีที่ไม่นานมานี้มีข่าวปรากฎออกมาว่า Jonathan Dordick แห่งสถาบัน Rensselaer Polytechnicได้คิดค้น ชิพสี่เหลี่ยมเล็กๆ นำมาใช้ทดลองแทนการใช้สัตว์ทดลอง โดยในชิพดังกล่าวจะบรรจุเซลล์และเอนไซม์ของมนุษย์ลงไป แม้ชิพตัวนี้ยังใช้การได้ไม่ดีนักแต่ก็นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับการผลิตวิทยาการเพื่อนำมาใช้ทดลองแทนการนำสัตว์มาใช้ทดลองโดยตรง สัตว์ทดลองอาจจะเป็นเพียงชีวิตเล็กๆซึ่งถูกหลงลืม บางชนิดถูกจัดให้เป็นสัตว์น่ารังเกียจ แต่สิ่งที่ได้จากการนำสัตว์มาทดลองกลับมีค่ามหาศาล ช่วยให้มนุษย์สามารถพัฒนาวิทยาการต่างๆ ช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากโรคร้าย คงไม่ผิดนักถ้าจะกล่าวว่าความสำเร็จเหล่านั้นเป็นความสำเร็จที่ได้มาโดยการโยนความเจ็บปวดเข้าใส่สัตว์ทดลองดังนั้นน่าจะถึงเวลาแล้วสำหรับการมองว่าชีวิตของสัตว์ทดลองเป็นชีวิตที่ต้องแบกรับความเจ็บปวดแทนมนุษย์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น