ไปเที่ยวมา

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

"เครื่องเป่ามือ-ห้องน้ำสาธารณะ" พาหะนำโรค

ผู้ที่เคยใช้ห้องน้ำสาธารณะไม่ว่าจะในศูนย์การค้าปั๊มน้ำมัน องค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ หรือแม้กระทั่งตามโรงเรียน คงมีจำนวนไม่น้อยที่เคยใช้เครื่องเป่ามือให้แห้งหลังจากที่ล้างมือด้วยน้ำ สะอาดจนเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเด็กๆ ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ การใช้เครื่องเป่าลมในห้องน้ำสาธารณะอาจเป็นจุดเสี่ยงในการติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ เนื่องจากลมที่เป่าออกมานั้นอาจจะมีเชื้อโรคหรือแบคทีเรียปะปนมาด้วย กับเรื่องนี้ "ดร. นพวรรณ ชินะโชติ" ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและจุลชีววิทยา กล่าวว่า เราไม่สามารถทราบได้เลยว่าในอากาศมีอะไรปะปนอยู่บ้าง เพราะในอากาศเป็นแหล่งที่สะสมเชื้อโรคและแบคทีเรียทุกชนิด เช่น อีโบลา คาโมเดล่า ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในแต่ละที่ ถ้าห้องน้ำมีฝุ่นหรือไม่สะอาด ขาดการดูแลรักษาก็อาจมีเชื้อโรคปะปนอยู่ในอากาศจำนวนมาก โดยเฉพาะเชื้อโรคที่มีชื่อว่า "คาโมเดล่า" ที่เป็นเชื้อโรคในสัตว์ปีกและสัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งสามารถเป็นพาหะนำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ ในเด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำได้ ไม่เฉพาะพฤติกรรมการใช้เครื่องเป่าลมในห้องน้ำสาธารณะเท่านั้น แม้แต่ในห้องนอนของเด็กๆ ก็สามารถเจอเชื้อโรค "คาโมเดล่า" ได้ หากมีการเลี้ยงสัตว์ปีกหรืออยู่ใกล้กับบริเวณที่มีสัตว์ปีกและสัตว์เลื้อยคลานอาศัยอยู่ ดังนั้นควรมีการทำความสะอาดห้องนอนเป็นประจำ ส่วนการใช้เครื่องเป่าลมในห้องน้ำสาธารณะ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและจุลชีววิทยาแนะว่า สำหรับเด็กๆ ไม่ควรใช้เครื่องเป่าลม เพราะเด็กเป็นวัยที่สามารถติดเชื้อได้ง่าย ควรล้างมือด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งด้วยกระดาษชำระก็เพียงพอแล้ว แต่หากมีความจำเป็นในการใช้เครื่องเป่ามือก็ควรใช้เจลล้างมือหลังจากการเป่าลมด้วย ส่วนความเสี่ยงจากเครื่องเป่ามือสาเหตุที่จะก่อให้เกิดโรคกับเด็กนั้น "รศ.นท.นพ. ชิษณุ พันธุ์เจริญ" กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในเด็กเล็ก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ให้ความเห็นว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสังเกตก่อนว่า เครื่องเป่าลมเครื่องนั้นมีความสะอาดหรือไม่ และอุณภูมิของเครื่องเป่าลมสามารถฆ่าเชื้อโรคได้หรือไม่ ซึ่งในทางการแพทย์อาจจะไม่ได้มุ่งไปที่เครื่องเป่าลมเป็นหลักที่ส่งผลให้ เด็กป่วยได้ แต่มีปัจจัยอื่นที่ทำให้เด็กรับเชื้อโรคได้ง่ายกว่า คือการสัมผัสสิ่งต่างๆ รอบตัว โดยเฉพาะการใช้ห้องน้ำสาธารณะ "การเข้าห้องน้ำสาธารณะตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า ฯลฯ แม้จะมีการรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี แต่ก็ยังเป็นส่วนที่ใช้ร่วมกันกับคนอื่นๆ อยู่ ฉะนั้นผู้ปกครองจะต้องสอนให้เด็กรู้จักล้างมือทุกครั้งหลังจากเข้าห้องน้ำ ส่วนการใช้เครื่องเป่าลมก็ขึ้นอยู่กับความมั่นใจในประสิทธิภาพของเครื่องและ การตัดสินใจของแต่ละคน เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าในอากาศมีเชื้อโรคลอยอยู่จำนวนมาก เพียงแต่เรามองไม่เห็นเท่านั้นเอง" กุมารแพทย์ฯ อธิบาย สำหรับ เด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำไปใช้เครื่องเป่าลมที่มีเชื้อโรคและแบคทีเรียปะปน อยู่ นพ. ชิษณุ บอกว่า เด็กก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคในทางเดินหายใจ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ นอกจากนั้นยังเสี่ยงต่อโรคในทางเดินอาหาร เพราะการใช้ห้องน้ำสาธารณะหรือเครื่องเป่าลมก็ต้องมีการสัมผัส หากมีคนที่ล้างมือไม่สะอาดมาใช้เครื่องเป่าลมก่อนหน้าที่เด็กๆ จะใช้ พอเด็กมาใช้มาสัมผัส โดยธรรมชาติของเด็กแล้วก็จะเอามือเข้าปากดูดนิ้ว แคะนั่นแคะนี่ตามประสาเด็ก ซึ่งก็เป็นสาเหตุในการเกิดโรคท้องเสียได้ นอกจากนั้นยังมีอีกโรคหนึ่งที่น่ากลัวและสามารถติดเชื้อได้ในอากาศคือ เชื้อไข้หวัด H1N1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั้งนี้กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในเด็กเล็ก ฝากเตือนว่า หากไม่มั่นในความปลอดภัยจากเชื้อโรคที่จะมากับอากาศในเครื่องเป่ามือ ก็ควรล้างมือด้วยน้ำสะอาด หรือใช้สบู่เหลวทำความสะอาดมือ จากนั้นก็ใช้ผ้าหรือกระดาษชำระเช็ดมือให้แห้ง หรือบางคนอาจจะใช้เจลล้างมือก็ได้ เพราะสะดวกและสามารถใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา รวมถึงการเลือกใช้กระดาษชำระเช็ดมือก็ควรเลือกที่สะอาด และการใช้กระดาษชำระเช็ดจาน ถ้วย ช้อน ในร้านอาหาร ซึ่งเราไม่รู้ว่ากระดาษชำระที่ใช้มีความสะอาดมากแค่ไหน นอกจากนั้นต้องมีความรับผิดชอบทางสังคมด้วย หากป่วยหรือเป็นไข้หวัดก็ควรใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น