
จากหนังสือบันทึกโบราณ โจวหลี่ ระบุว่า พิธีเซ่นไหว้พระจันทร์ทั่วทั้งประเทศนั้น เริ่มขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งที่มาของพิธีในเทศกาลนี้มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับตำนานความฝัน ของกษัตริย์ถังหมิงหวง เสด็จประพาสพระราชวังบนดวงจันทร์ เรื่องเล่ามีอยู่ว่า ในกลางดึกของคืนเดือนเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 กษัตริย์ถังหมิงหวงบรรทมหลับไปแล้วทรงพระสุบินว่า พระองค์ลอยขึ้นไปเที่ยวชมพระราชวังบนดวงจันทร์ และได้พบเทพธิดาบนดวงจันทร์กำลังร่ายรำอยู่อย่างงดงาม ในฝันนั้น พระองค์ทรงเพลิดเพลินและเกษมสำราญเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งเมื่อตื่นพระบรรทมและทรงโปรดให้พระสุบินนั้นเป็นความจริ ง จึงมีรับสั่งให้นางสนมแต่งตัวและร่ายรำเลียนแบบเทพธิดาในฝัน ตั้งแต่นั้นมาทุกวั นขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 พระองค์ก็รับสั่งให้จัดเครื่องเซ่นไหว้พระจันทร์ และทอดพระเนตรความงามของพระจันทร์ไปพร้อมกับการร่ายรำของนางสนมประเพณีปฏิบัติเช่น นี้ ภายหลังได้แพร่หลายไปทั่วประเทศ และเป็นเทศกาลที่มีความสำคัญเทียบเท่ากับ เทศกาลตรุษจีน และเทศกาลไหว้ขนมจ้าง ( ขนมบ๊ะจ่าง )บอกเล่าเรื่อง"ขนมเปี๊ยะ"เทศกาลไหว้พระจันทร์ มีเครื่องเซ่นไหว้เป็นขนมเปี๊ยะ เช่นเดียวกับเทศกาลอื่นๆที่มีสัญลักษณ์ต่างๆกันไป เช่น เทศกาลไหว้ขนมจ้าง ก็มีขนมบ๊ะจ่าง เทศกาลหยวนเซียว (เทศกาลโคมไฟ) ก็มีขนมสาคูต้ม (ทางหยวน) ขนมไหว้พระจันทร์ เรียกในภาษาจีนว่า "เย่ว์ปิ่ง" "เย่ว์" แปลว่า พระจันทร์ "ปิ่ง" แปลว่า ขนมเปี๊ยะ เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นศิริมงคล ความปรารถนาดีต่อกัน และความสมัครสมานสามัคคี เพราะในเทศกาลนี้คนในครอบครัวจะมาอยู่พร้อมหน้ากัน กินขนมไปพลาง ชมพระจันทร์ไปพลาง เดิมทีนั้น เย่ว์ปิ่ง เรียกว่า "หูปิ่ง" ซึ่งแปลว่า ขนมเปี๊ยะวอลนัท ซึ่งเป็นขนมแป้งอบของจีนทำมาจากงาและวอลนัท ชื่อ "หูปิ่ง" ภายหลังเปลี่ยนมาเป็น"เย่ว์ปิ่ง" ก็มีเรื่องเล่าเช่นกันว่าว่า ในคืนวันไหว้พระจันทร์ปีหนึ่ง พระเจ้าถังไท่จงปรารภขึ้นว่า ชื่อ "หูปิ่ง" ไม่ไพเราะ ขณะนั้นหยางกุ้ยเฟยสนมเอกของพระองค์ซึ่งนั่งชมจันทร์อย่างเพลิด เพลินอยู่ข้างๆ ก็เปรยขึ้นมาว่า "เย่ว์ปิ่ง" ที่แปลว่า ขนมเปี๊ยะพระจันทร์ ตั้งแต่นั้นมาจึงใช้ชื่อนี้เรียกแทน"หูปิ่ง" เรื่อยมาตำนานของขนมไหว้พระ จันทร์ ก็มีเรื่องเล่าที่เกี่ยวโยงกับพงศาวดารจีนอยู่ด้วยกล่าวคือ เมื่อประมาณ 600 ปีก่อน เล่ากันว่ายุคปลายราชวงศ์หยวน เจงกิสข่านแห่งมองโกล เข้ายึดครองแผ่นดินใหญ่และปกครองชาวจีนอย่างเข้มงวด ชาวจีนกลุ่มหนึ่งได้ก่อตั้งขบวนการใต้ดินเพื่อทำการก่อกบฏ พวกเขาคิดอุบาย โดยอาศัยงานวันไหว้พระจันทร์ ซึ่งจะมีการทำขนมเปี๊ยะขนาดใหญ่มีไส้หนา โดยภายในขนมได้ซ่อนจดหมายนัดแนะกันกำจัดพวกมองโกล กำหนดเวลาเที่ยงคืนของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็นคืนก่อการ แล้วแจกจ่ายไปในหมู่ผู้ก่อการกบฏ ทำทีว่าเป็นการนำขนมไปแจกในหมู่ญาติสนิทมิตรสหาย เมื่อถึงเวลาตีเกราะเคาะร้องบอกกัน ก็จะลงมือสังหารชาวมองโกลทันที ภายหลังเมื่อชาวจีน ได้เอกราชคืน ได้ถือ วันเพ็ญเดือนแปด เป็นวันไหว้พระจันทร์เรื่อยมาและนำขนมเปี๊ยะนี้มาไหว้พระจันทร์ อีกด้วย เพราะถือเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความสามัคคีร่วมกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น